เขื่อนเก็บกักน้ำอาจตอบโจทย์ที่ดีมากในช่วงครึ่งศตวรรษที่ผ่านมา
โจทย์ที่ว่าคือเป็นแหล่งน้ำต้นทุนสำหรับการเพาะปลูกเพื่อส่งออก โดยเฉพาะข้าว การผลิตพลังงานไฟฟ้าเพื่อรองรับอุตสาหกรรมที่เพิ่งเกิดขึ้น การบรรเทาอุทกภัยก็เป็นส่วนหนึ่ง ซึ่งสภาพธรรมชาติในยุคนั้นยังพอเกื้อกูลไม่ให้เสียหายมากนัก แต่โจทย์ก็เปลี่ยนตามยุคสมัย ตามจำนวนประชากรที่เพิ่มจาก 10 ล้านคนเศษเป็น 70 ล้านคน เฉลี่ยเพิ่มปีละ10 ล้านคน ประเทศไทยต้องการทั้งน้ำเพื่อการเพาะปลูก การอุตสาหกรรม การท่องเที่ยว การรักษาระบบนิเวศ ขณะเดียวกันต้องการป้องกันบรรเทาอุทกภัยมากขึ้น หลังจากเผชิญความเสียหายทุกปี ทั้งในทุ่งและในเมือง
เขื่อนยังเป็นความจำเป็นที่ต้องสร้างเพิ่ม แม้จะสร้างได้น้อยนิด เพราะเป็นปราการด่านแรกบนต้นน้ำในการตอบโจทย์ แต่ลำพังเขื่อนอย่างเดียว ไม่อาจตอบได้ครอบคลุมทุกโจทย์เหมือนครอบจักรวาลหรอกครับ
คำว่า"ครอบจักรวาล"ในโลกนี้เห็นมีแต่ชื่อรายการทีวีของคุณชายถนัดศรี สวัสดิวัตน์ เท่านั้น นอกนั้นไม่มีอะไรครอบได้ทั้งจักรวาล การตอบสนองความต้องการด้านการบรรเทาอุทกภัย จึงยังต้องเพ่งดูกลางน้ำกับปลายน้ำที่ต้องทำอะไรหลายอย่าง ซึ่งแทบไม่ได้ทำ หรือทำไม่ได้ตลอด50-60 ปีที่ผ่านมา จีน สิงคโปร์ ถมทะเลไม่มีใครต้านได้ เมื่อเป็นผลประโยชน์แห่งรัฐ จีนขุดคลองใหญ่ผันน้ำจากใต้ขึ้นเหนือ ระยะทางใกล้เคียงสุไหง โกลกยันเชียงแสน มีใครขวางได้ สิงคโปร์ทำเขื่อนในทะเลเพื่อเก็บน้ำจืด เพื่อความมั่นคงไม่ต้องพึ่งพิงซื้อน้ำในสภาพจำยอมจากมาเลเซีย ไม่มีเอ็นจีโอมาเกะกะรกหูตา
ประเทศไทยแค่จะสูบน้ำจากในผืนแผ่นดินไทยที่ติดกับแม่นำโขง เพื่อใช้ในยามขาดแคลน เอ็นจีโอยังทักท้วงให้ประเทศเพื่อนบ้านเอามาเป็นประเด็นเล่นงานประเทศไทยเลย สำหาอะไรกับโครงการพัฒนาอื่นๆ เราจะไปได้ไม่ถึงไหนก็ด้วยแนวคิดด้านลบสุดโต่ง เอาแต่คัดค้าน ต่อต้านลูกเดียว นี่แหละ ลองดูประเทศอื่น รัฐบาลเขาไม่ให้ค่า ราคากับแนวคิดอย่างนี้ ไม่เช่นนั้นจะได้ชื่อเป็นประเทศพัฒนาหรอก ไม่ว่า ยุโรป สหรัฐอเมริกา ญี่ปุ่น เกาหลีใต้ สิงคโปร์ หรืออย่างจีนที่กำลังทะยานพัฒนาเต็มรูปแบบ
…เราเอาแต่เสียเวลาทุ่มเถียงเรื่องการวิ่งของตูน บอดี้ สแลม มากกว่าลงมือวิ่งอย่างตูน เพื่อหาเงินบริจาคช่วยโรงพยาบาล อย่างไรก็อย่างนั้น น้ำจึงท่วมได้ท่วมดีทุกปีเลย
